Q1: Facebook Pixel คืออะไร
A1: Facebook Pixel หรือพิกเซลของเฟซบุ๊ก คือเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถวัดประสิทธิภาพของโฆษณาที่สร้างแคมเปญไว้ เป็นส่วนย่อยของโค้ด (code) JavaScript ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานติดตามกิจกรรมของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของตนได้ โดยระบบจะทำความเข้าใจสิ่งที่ผู้คนดำเนินการบนเว็บไซต์ของผู้ใช้งานที่ติดตั้งพิกเซลดังกล่าว ยิ่งระบบได้เรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้งานซ้ำ ๆ และปริมาณมาก จะทำให้ระบบฉลาดขึ้นและประมวลผลเพื่อหากลุ่มเป้าหมายที่ใกล้เคียงข้อมูลที่มีอยู่เดิมได้อย่างแม่นยำ
Q2: Facebook Pixel ทำงานอย่างไร
A2: เนื่องจาก Facebook Pixel ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับเว็บไซต์ ดังนั้น ผู้ใช้งานจะต้องติดตั้งโค้ด (code) หรือเรียกว่า Pixel ID สำหรับติดตาม (track) พฤติกรรมการใช้งานของผู้เยี่ยมชมก่อน หลังจากติดตั้ง Pixel ID แล้ว เมื่อมีผู้เยี่ยมชมเปิดเข้าไปในเว็บไซต์ดังกล่าว และมีการดำเนินการใด ๆ เรียกว่า เหตุการณ์ (event) ที่ผู้ใช้งานติดตาม เรียกว่า คอนเวอร์ชัน (conversion) ซึ่ง Facebook Pixel จะส่งข้อมูลไลบรารีขนาดเล็กของฟังก์ชัน ไปยังเซิร์ฟเวอร์ (server) ของเฟซบุ๊กเพื่อเก็บข้อมูล คอนเวอร์ชันที่ติดตามจะปรากฏในตัวจัดการโฆษณาบนเฟซบุ๊กและในแดชบอร์ดของ Facebook Analytics จากนั้นข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเอง (Custom Audiences) ในการกำหนดเป้าหมายโฆษณาและสำหรับแคมเปญโฆษณาแบบไดนามิกหรือที่เรียกว่า 'โฆษณาตามหลอน' ได้อย่างละเอียดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยวัดประสิทธิผลของโฆษณา รวมถึงวิเคราะห์ประสิทธิภาพของกราฟคอนเวอร์ชันของเว็บไซต์ของผู้ติดตั้ง การโฆษณาที่ใช้จึงตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น จากเดิมที่สามารถกำหนดได้เฉพาะอายุและเพศซึ่งไม่ค่อยมีความแม่นยำ ก็สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง (custom audience) ได้มากขึ้น เช่น คนที่เคยเปิดดูหน้าเว็บไซต์หน้าใดหน้าหนึ่ง เป็นต้น ช่วยให้ได้ผลลัพธ์การยิงโฆษณาที่ดียิ่งขึ้นเนื่องจากคนที่เคยดูข้อมูลสินค้ามาก่อน มีโอกาสที่จะสนใจในตัวสินค้าระดับหนึ่งอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อยิงโฆษณาไป จึงมีโอกาสที่ผู้เยี่ยมชมคนดังกล่าวจะตัดสินใจซื้อสินค้าได้
ดัดแปลงข้อมูลจาก: FACEBOOK for Developers, เว็บไซต์ 8columns.com
Q3: เหตุการณ์ (event) คืออะไร
A3: เหตุการณ์ คือ การดำเนินการที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของผู้ใช้งาน โดยเมื่อมีการดำเนินการเกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของผู้ใช้งาน เช่น เมื่อมีคนเพิ่มสินค้าลงในตะกร้า เป็นต้น Facebook Pixel จะเริ่มทำงานและบันทึกการดำเนินการนั้นไว้เป็นเหตุการณ์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นผลลัพธ์ของการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก (เสียค่าใช้จ่าย) หรือการเข้าถึงแบบออร์แกนิก (ไม่เสียค่าใช้จ่าย) ซึ่งเหตุการณ์มีสองประเภท คือ เหตุการณ์มาตรฐานและเหตุการณ์ที่กำหนดเอง
- เหตุการณ์มาตรฐาน (standard events) คือ การดำเนินการที่ถูกกำหนดไว้แล้วและรองรับเหตุการณ์ดังกล่าวในผลิตภัณฑ์โฆษณาทั้งหมด เมื่อผู้ใช้งานเพิ่มเหตุการณ์มาตรฐานลงในโค้ดพิกเซล ผู้ใช้งานสามารถบันทึกเหตุการณ์มาตรฐานเหล่านั้นเพื่อนำไปปรับให้เหมาะสมกับคอนเวอร์ชันและการสร้างกลุ่มเป้าหมายได้
- เหตุการณ์ที่กำหนดเอง (custom events) คือการดำเนินการอื่นนอกเหนือจากเหตุการณ์มาตรฐาน ที่ผู้ใช้งานสามารถตั้งชื่อเหตุการณ์เหล่านี้ได้เองเพื่อแสดงถึงการดำเนินการที่เกิดขึ้น ผู้ใช้งานสามารถใช้เหตุการณ์ที่กำหนดเองสร้างกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเอง (Custom Audience) ได้ และจะต้องวางผังเชื่อมโยงหรือแมป (map) เหตุการณ์กับคอนเวอร์ชันที่กำหนดเองก่อน จึงจะสามารถใช้เหตุการณ์ที่กำหนดเองเพื่อให้ได้ค่าที่เหมาะสมหรือการระบุที่มาได้
Q4: เหตุการณ์มาตรฐาน หรือ standard events รองรับเหตุการณ์ใดบ้าง
A4: เฟซบุ๊กกำหนดเหตุการณ์ที่มักพบโดยทั่วไปไว้เป็นเหตุการณ์มาตรฐาน ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสะดวกและง่ายในการเก็บพฤติกรรมผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของผู้ใช้งาน ดังนี้
เหตุการณ์ |
คำอธิบาย |
โค้ดเหตุการณ์มาตรฐาน |
เพิ่มข้อมูลการชำระเงิน (Add payment info) |
การเพิ่มข้อมูลการชำระเงินของลูกค้าในระหว่างขั้นตอนการชำระเงิน เช่น มีผู้คลิกปุ่มเพื่อบันทึกข้อมูลการเรียกเก็บเงินของตน | fbq('track', 'AddPaymentInfo'); |
หยิบใส่ตะกร้า (Add to cart) |
การเพิ่มสินค้าลงในตะกร้าสินค้าหรือรถเข็นสินค้า เช่น การคลิกปุ่ม "หยิบใส่ตะกร้า" บนเว็บไซต์ | fbq('track', 'AddToCart'); |
เพิ่มลงในรายการสิ่งที่อยากได้ (Add to wishlist) |
การเพิ่มสินค้าลงในรายการสิ่งที่อยากได้ เช่น การคลิกปุ่ม "เพิ่มลงในรายการสิ่งที่อยากได้" บนเว็บไซต์ | fbq('track', 'AddToWishlist'); |
การลงทะเบียนเสร็จสิ้น (Complete registration) |
การที่ลูกค้าส่งข้อมูลเข้ามาเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการบริการจากธุรกิจของผู้ใช้งาน เช่น การสมัครรับข้อมูลผ่านทางอีเมล | fbq('track', 'CompleteRegistration'); |
การติดต่อ (Contact) |
โทรศัพท์ SMS อีเมล แชท หรือการติดต่อประเภทอื่น ๆ ระหว่างลูกค้าและธุรกิจของผู้ใช้งาน | fbq('track', 'Contact'); |
ปรับแต่งสินค้า (Customize product) |
การปรับแต่งสินค้าผ่านเครื่องมือกำหนดค่าหรือแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่ธุรกิจของผู้ใช้งานเป็นเจ้าของ | fbq('track', 'CustomizeProduct'); |
บริจาค (Donate) |
การบริจาคเงินให้กับองค์กรของผู้ใช้งานหรือเพื่อการกุศล | fbq('track', 'Donate'); |
ค้นหาตำแหน่งที่ตั้ง (Find location) |
เมื่อมีผู้ตั้งใจที่จะเยี่ยมชมหนึ่งในหน้าร้านของผู้ใช้งานและค้นหาตำแหน่งที่ตั้งผ่านเว็บไซต์ เช่น มีผู้ค้นหาสินค้าและพบสินค้านั้นที่หนึ่งในร้านค้าท้องถิ่นของผู้ใช้งาน | fbq('track', 'FindLocation'); |
การเริ่มขั้นตอนการชำระเงิน (Initiate checkout) |
การเริ่มต้นขั้นตอนการชำระเงิน เช่น การคลิกปุ่ม "ชำระเงิน" | fbq('track', 'InitiateCheckout'); |
ข้อมูลลูกค้า (Lead) |
การที่ลูกค้าส่งข้อมูลเข้ามาด้วยข้อตกลงที่ว่าพวกเขาอาจได้รับการติดต่อกลับจากธุรกิจของผู้ใช้งานในภายหลัง เช่น การส่งแบบฟอร์มหรือการลงทะเบียนทดลองใช้งาน | fbq('track', 'Lead'); |
การซื้อ (Purchase) |
การซื้อที่เสร็จสมบูรณ์ มักแสดงเมื่อได้รับคำสั่งซื้อหรือการยืนยันการซื้อ หรือใบเสร็จการทำธุรกรรม เช่น การเข้าสู่หน้าขอบคุณลูกค้าหรือหน้าการยืนยัน | fbq('track', 'Purchase', {value: 0.00, currency: 'USD'}); |
การนัดหมาย (Schedule) |
การจองการนัดหมายเพื่อเยี่ยมชมหนึ่งในตำแหน่งที่ตั้งของผู้ใช้งาน | fbq('track', 'Schedule'); |
การค้นหา (Search) |
การค้นหาบนเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือในทรัพย์สินอื่น ๆ เช่น การค้นหาสินค้าหรือการท่องเที่ยว | fbq('track', 'Search'); |
เริ่มทดลองใช้งาน (Start trial) |
การเริ่มทดลองใช้สินค้าหรือบริการฟรีที่ผู้ใช้งานนำเสนอ เช่น การสมัครใช้บริการในช่วงทดลอง | fbq('track', 'StartTrial', {value: '0.00', currency: 'USD', predicted_ltv: '0.00'}); |
ส่งใบสมัคร (Submit application) |
การส่งการสมัครรับสินค้า บริการ หรือโปรแกรมที่ผู้ใช้งานให้บริการ เช่น บัตรเครดิต โปรแกรมการศึกษา หรืองาน | fbq('track', 'SubmitApplication'); |
การสมัครรับข้อมูล (Subscribe) |
การเริ่มสมัครใช้บริการแบบมีค่าใช้จ่ายสำหรับสินค้าหรือบริการที่ผู้ใช้งานนำเสนอ | fbq('track', 'Subscribe', {value: '0.00', currency: 'USD', predicted_ltv: '0.00'}); |
ดูเนื้อหา (View content) |
การเข้าชมหน้าเว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานให้ความสำคัญ เช่น หน้าสินค้าหรือแลนดิ้งเพจ (landing page) การดูเนื้อหาจะช่วยให้ผู้ใช้งานทราบว่ามีผู้เข้าเยี่ยมชม URL ของหน้าเว็บหรือไม่ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เข้าชมทำหรือเห็นบนหน้าเว็บนั้น | fbq('track', 'ViewContent'); |
ตรวจสอบเหตุการณ์ที่รองรับได้จาก Specifications for Facebook Pixel Standard Events
Q5: หน้าร้านค้าออนไลน์ Page365 Store เก็บข้อมูลเหตุการณ์ (events) ใดบ้าง
A5: หน้าร้านค้าออนไลน์ Page365 Store เก็บข้อมูลเหตุการณ์มาตรฐานดังนี้
- ดูเนื้อหา
- หยิบใส่ตะกร้า
- การติดต่อ
- การซื้อ
- การเริ่มขั้นตอนการชำระเงิน
- เพิ่มข้อมูลการชำระเงิน
- ข้อมูลลูกค้า
- การค้นหา
Q6: ประโยชน์ของ Facebook Pixel มีอะไรบ้าง
A6: ผู้ใช้งานได้รับประโยชน์จาก Facebook Pixel ดังนี้
- ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจว่าโฆษณาที่ผู้ใช้งานทำแคมเปญไว้ได้แสดงต่อผู้คนที่เหมาะสมแล้ว โดยระบบจะหาลูกค้าใหม่ ๆ หรือผู้ที่เคยเยี่ยมชมเพจใดเพจหนึ่ง หรือดำเนินการใด ๆ บนเว็บไซต์ของร้านค้าที่ผู้ใช้งานต้องการ
- เพิ่มยอดขาย โดยระบบจะตั้งค่าการประมูลราคาแบบอัตโนมัติเพื่อเข้าถึงผู้คนที่มีแนวโน้มจะกระทำการ/ดำเนินการตามที่ผู้ใช้งานต้องการ เช่น ซื้อสินค้า
- วัดผลโฆษณาของผู้ใช้งาน เพื่อเข้าใจผลกระทบที่เกิดจากโฆษณาที่ผู้ใช้งานสร้างไว้ได้ดียิ่งขึ้น โดยอาศัยการวัดผลจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อผู้คนเห็นโฆษณาเหล่านั้น
- เพิ่มประสิทธิภาพในการซื้อโฆษณา หรือที่เรียกว่า ROI (Return of Investment)
Q7: Facebook Pixel จะทำงานเมื่อใด
A7: เมื่อผู้ใช้งานติดตั้ง Facebook Pixel เรียบร้อยแล้ว ระบบพิกเซลจะทำงานทุกครั้งที่มีคนดำเนินการบางอย่างบนเว็บไซต์ของผู้ใช้งาน เช่น การเพิ่มสินค้าลงในตะกร้าสินค้า หรือการซื้อสินค้า เป็นต้น ซึ่งพิกเซลจะรับข้อมูลการดำเนินการหรือ 'เหตุการณ์' หรือ 'Event' เหล่านี้ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถดูได้ที่หน้าพิกเซลของเฟซบุ๊กบนตัวจัดการเหตุการณ์ (Events Manager) ซึ่งในหน้าดังกล่าว ผู้ใช้งานสามารถดูการดำเนินการของลูกค้าผู้ใช้งานได้ รวมถึงยังมีตัวเลือกในการเข้าถึงลูกค้าเหล่านั้นอีกครั้งในอนาคตผ่านโฆษณาบนเฟซบุ๊ก
Q8: การใช้งาน Facebook Pixel มีข้อกำหนดการใช้งานหรือไม่ อย่างไร
A8: การใช้งาน Facebook Pixel มีข้อกำหนดเครื่องมือธุรกิจ โดยกำหนดให้ธุรกิจต่าง ๆ หรือพาร์ทเนอร์ (partner) ที่ดำเนินการในนามธุรกิจ ปฏิบัติตามดังนี้
1. ผู้ใช้งานต้องไม่วางพิกเซลที่เชื่อมโยงกับตัวจัดการธุรกิจหรือบัญชีโฆษณาของตนบนเว็บไซต์ที่ตนไม่ได้เป็นเจ้าของก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ตั้งแต่วันที่ 05 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป
2. ระบบจะแสดงเฉพาะข้อมูลเหตุการณ์และคอนเวอร์ชันแบบกำหนดเองที่ได้รับมาไม่นานจากพิกเซลของเฟซบุ๊กที่อยู่บนเว็บไซต์ของเจ้าของโดเมนที่ตรวจสอบยืนยันแล้วให้ผู้ที่ติดตั้งเห็นเท่านั้น แม้เจ้าของโดเมนที่ตรวจสอบยืนยันแล้วจะเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นทั้งหมด แต่เหตุการณ์ที่เจ้าของโดเมนสามารถใช้สำหรับการปรับโฆษณาให้เหมาะสมและรายงานได้มีเพียงเหตุการณ์ที่เจ้าของโดเมนสามารถเข้าถึงได้จากบัญชีตัวจัดการธุรกิจของตัวเองเท่านั้น
3. หากผู้ใช้งานไม่ต้องการให้เจ้าของโดเมนเห็นข้อมูลพิกเซลหรือคอนเวอร์ชั่นแบบกำหนดเองของผู้ใช้งาน ผู้ใช้งานสามารถลบพิกเซลออกจากเว็บไซต์หรือลบคอนเวอร์ชันแบบกำหนดเองออกก่อนวันที่ที่ระบุได้
4. การเปลี่ยนแปลงใน iOS 14.5 ของ Apple บังคับให้แอปพลิเคชันใน App Store ที่ดำเนินการสิ่งที่ Apple กำหนดว่าเป็น "การติดตาม" จะต้องแสดงข้อความแจ้งแก่ผู้ใช้ iOS 14.5 ขึ้นไป ตามกรอบของโครงสร้าง App Tracking Transparency ของ Apple ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะส่งผลต่อวิธีที่เฟซบุ๊กรับและประมวลผลเหตุการณ์จากเครื่องมือต่าง ๆ อย่างพิกเซลของเฟซบุ๊ก ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องปรับการตั้งค่าเหตุการณ์ให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงได้จาก การอัปเดต Facebook Pixel เนื่องจากข้อกำหนดใน iOS 14 ของ Apple
Q9: การสร้างและติดตั้ง Facebook Pixel ทำอย่างไร
A9: ก่อนเริ่มสร้างและติดตั้ง Facebook Pixel ผู้ใช้งานจะต้องเตรียมสิ่งเหล่านี้
1. ต้องมีเว็บไซต์สำหรับธุรกิจของผู้ใช้งาน
2. เว็บไซต์ที่ใช้งานจะต้องสามารถตั้งค่าหรืออัปเดตโค้ด (code) บนเว็บไซต์ได้
3. ควรสร้างบัญชี Facebook Business Manager หรือบัญชีโฆษณาระดับธุรกิจ เนื่องจากจะช่วยให้ผู้ใช้งานต้องดูแลหลายร้านค้า มีผู้ดูแล (แอดมิน) หลายคน หรือมีการจ้างบริษัทภายนอกยิงโฆษณาให้ สะดวกในการจัดการโฆษณาหรือเก็บข้อมูลผู้ใช้งานของหลายร้านค้าพร้อม ๆ กัน รวมถึงสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเอง (Custom Audience) และกลุ่มเป้าหมายแบบคล้ายคลึง (Lookalike Audiences) ได้ (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Custom Audience และ Lookalike Audiences ได้จาก Digital Mind Hub)
วิธีการสร้าง Facebook Pixel
ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Facebook Pixel ได้ตามวิธีดังนี้
1. เปิดตัวจัดการเหตุการณ์หรือ Event Manager ของเฟซบุ๊ก จากนั้นเลือกบัญชีที่ต้องการสร้าง Facebook Pixel จาก "บัญชีธุรกิจ" หรือ "บัญชีของคุณ"
2. เลือก " เชื่อมต่อแหล่งข้อมูล"
3. เลือกช่องทางเชื่อมต่อ โดยในที่นี้ เลือก "เว็บ"
4. คลิกปุ่ม "เชื่อมต่อ"
5. เลือก "พิกเซลของ Facebook"
6. เลือก "เชื่อมต่อ"
7. กรอกชื่อพิกเซลที่ผู้ใช้งานต้องการ
8. คัดลอก URL จากเว็บไซต์ของผู้ใช้งานมาวาง (ระบุหรือไม่ก็ได้)
9. คลิกปุ่ม "ดำเนินการต่อ"
10. คลิกปุ่ม "ติดตั้งโค้ดด้วยตนเอง"
11. คลิกปุ่ม "ดำเนินการต่อ"
12. เลือกเปิดการจับคู่ขั้นสูงอัตโนมัติ จากนั้นคลิกปุ่ม "ดำเนินการต่อ"
13. คลิกปุ่ม "เปิดเครื่องมือตั้งค่าเหตุการณ์"
14. คลิกที่ ID พิกเซล ระบบจะทำการคัดลอก ID พิกเซลให้อัตโนมัติ
15. ผู้ใช้งานสามารถนำรหัสดังกล่าวไปใส่ในหน้าตกแต่งร้านค้าออนไลน์ Page365 Store ได้ทันที โดยเข้าไปที่ร้านค้าบน Page365 เลือก "จัดการร้านค้า" > เลือก "ตกแต่งหน้าร้านค้า" > วางรหัส Facebook Pixel ที่คัดลอกมา > คลิกปุ่ม "บันทึก" อ่านเพิ่มเติมวิธีตั้งค่าได้จากคู่มือ Google Analytics และ Facebook Pixel
หลังจากที่ผู้ใช้งานเพิ่มโค้ดเบสพิกเซล (Base Pixel) ลงในเว็บไซต์ที่ต้องการแล้ว ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าเหตุการณ์เพื่อวัดผลการดำเนินการที่สนใจได้ เช่น การซื้อสินค้า เป็นต้น โดยผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าได้โดยติดตั้งโค้ดด้วยตนเองหรือใช้เครื่องมือตั้งค่าเหตุการณ์แบบชี้และคลิกก็สามารถทำได้ จากนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่าพิกเซลทำงานถูกต้อง
Q10: หากต้องการยืนยันโดเมนเพื่อให้สามารถเข้าถึงเหตุการณ์ส่วนที่ถูกจำกัดจากการเปลี่ยนแปลงใน iOS 14.5 ของ Apple จะต้องทำอย่างไร
A10: เนื่องจากผู้ใช้งานอาจยังไม่ได้ยืนยันโดเมนกับเฟซบุ๊ก ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงเหตุการณ์บางเหตุการณ์ได้ผู้ใช้งานจึงจำเป็นต้องยืนยันโดเมนก่อน ทำได้ดังนี้
1. ใน Review Event คลิกปุ่ม "Manage Domains" เพื่อจัดการโดเมน
2. เลือก "Add" เพื่อเพิ่มโดเมน
3. คัดลอก URL ของเว็บไซต์ที่ต้องการเพิ่มโดเมนวางในช่อง Your Domain โดยไม่ต้องใส่ http:// หรือ https:// และไม่ต้องใส่ / ที่ด้านหลังสุด
4. คลิกปุ่ม "Add" เพื่อยืนยันการเพิ่มโดเมน
5. คลิกที่ meta-tag ระบบจะทำการคัดลอก meta-tag สำหรับโดเมนให้อัตโนมัติ
6. เข้าไปที่ร้านค้าบน Page365 เลือก "จัดการร้านค้า" > เลือก "ตกแต่งหน้าร้านค้า" > วางรหัสในช่อง 'Custom Tags'
7. คลิกปุ่ม "Save" เพื่อบันทึกการตั้งค่า
8. คลิกปุ่ม "Verify Domain" เพื่อยืนยันโดเมน
9. ระบบจะแสดงหน้าต่างยืนยัน ให้คลิก "Done" เป็นอันเสร็จสิ้นการตั้งค่าโดเมน
Q11: หากต้องการยืนยันโดเมนเพื่อให้สามารถเข้าถึงเหตุการณ์ส่วนที่ถูกจำกัดจากการเปลี่ยนแปลงใน iOS 14.5 ของ Apple จะต้องทำอย่างไร
A11: เนื่องจากผู้ใช้งานอาจยังไม่ได้ยืนยันโดเมนกับเฟซบุ๊ก ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงเหตุการณ์บางเหตุการณ์ได้ ร้านค้าจึงจำเป็นต้องยืนยันโดเมนก่อน ทำได้ดังนี้
สามารถสมัครเพื่อขอใช้งาน Page365 Custom Domain เพื่อเปิดใช้งานโดเมนส่วนตัวได้
Q12: ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบการทำงานของ Facebook Pixel ในหน้าเว็บไซต์ที่ติดตั้งพิกเซลได้อย่างไรบ้าง
A12: ผู้ใช้งานที่ใช้งานเบราว์เซอร์ (browser) Google Chrome สามารถติดตั้ง "Facebook Pixel Helper" ซึ่งเป็น Extension หรือเครื่องมือเสริมเพิ่มเติมสำหรับตรวจสอบการทำงานของ Facebook Pixel ได้โดย
1. เข้าไปที่เบราว์เซอร์ Google Chrome โดยไปที่ลิงก์ Facebook Pixel Helper Google Chrome Extension
2. คลิกปุ่ม "Add to Chrome"
3. คลิกปุ่ม "Add extension"
4. ปุ่ม Facebook Pixel Helper จะแสดงบริเวณแถบเมนูด้านบน คลิกเข้าไปเพื่อทำการปักหมุด (pin)
5. เข้าไปยังหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการทราบว่ามีการติด Facebook Pixel ไว้หรือไม่ หากมีระบบจะแสดงข้อมูลของ Facebook Pixel ที่ถูกติดตั้งไว้ในหน้านั้น ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าไปตรวจสอบได้
หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้โดยตรงกับเจ้าหน้าที่ Page365